พิธีการชำระล้างและทำให้บริสุทธิ์

เมื่อท่านเห็นศาสนาใหญ่มากมายในโลกท่านจะเห็นพิธีกรรมกรรมการชำระล้างที่เข้ากับเหตุการณ์ในชีวิตปกติเช่น การเกิดของเด็กและการตาย รวมทั้งในกิจกรรมธรรมดาตามประสบการณ์ของมนุษย์เช่นการมีประจำเดือน ท้องอืด การนอน การสัมผัสทางเพศ การหมดสติ การหลั่งเลือด อสุจิ อาเจียน และ โรคภัย ฯลฯ

พิธีการทำให้บริสุทธิ์เหล่านี้บางอันรวมถึงการอาบน้ำ เช่นที่ทำกันในระหว่างความเชื่อบาไฮ ขณะที่คนอื่น ๆ ชอบที่ให้ร่างกายของตนเองลงไปจุ่มท่วมทั้งตัวในแม่น้ำ

สำหรับชาวยิวพิธีกรรมนี้รวมถึงการล้างมือและมิควาห์ในขณะที่ชาวมุสลิมมีกหัสล์และวูดู การอาบน้ำของชาวฮินดูในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์คงคา และ การทำ อัคามานา และ ปุนยาฮาวาชานัม ชาวชินโตทำมิโซจี และ ชาวพื้นเมืองอเมริกันอินเดียนมีสเวทลอจ์ด

แม้ว่าศาสนาเหล่านี้จะมีลำดับแห่งความแตกต่างในมุมมองของโลกมีความเหมือนหรือความคุ้นเคยเป็นดังการเกี่ยวพันกับรูปแบบของน้ำซึ่งสำหรับพวกเขามันนำความรู้สึกที่แท้จริงซึ่งบุคคลจะรู้สึกถึงความไม่สะอาดกับความตระหนักโดยกำเนิดว่าพวกเขาอยู่ในหนทางที่มีนัยสำคัญที่ไม่ด่างพร้อยดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องมีการชำระล้างเป็นดังสัญญลักษณ์โดยการกระทำเหล่านั้นโดยการใช้ตัวทำละลายสากลนี้เป็นดังวิธีในการทำให้บริสุทธิ์

การตระหนักในตนเองนี้พบในการแสดงออกในบางศาสนาที่กลับกลายมาเป็นทัศนคติต่อการที่จะมีความรู้สึกทางด้านจิตของความเป็นจริงที่เหนือธรรมชาติด้วยการศึกษาในเชิงเอกัตนิยมจากภาษิตเก่าแก่เกี่ยวกับความสะอาดที่เป็นอะไรที่ต่อจากความเลื่อมใสในศาสนา อย่างไรก็ตามที่จะกล่าวว่ามีความสัมพันธ์ในเชิงกายภาพหรือวัตถุที่ประยุกต์ใช้อยู่นี้มันเป็นสื่อที่มีผลสัมฤทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับความไม่พอใจหรือไม่พึงพอใจของพระเจ้าหรือเป็นดังโอกาสที่จะให้ปราศจากเชื้อโรค อาจจะเรียกว่า เป็นแก่นแท้จากพระเจ้าในการรับรองการไม่สร้างสรรดังเป็นความต้องการโดยเสมอที่จะต้องทำกิจกรรมบางอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยเป็นวงจรที่ไม่รู้จักจบสิ้นของการล้างซึ่งโดยธรรมชาติดูเหมือนว่าจะขาดความรู้สึกโดยสิ้นเชิงหรือผลสัมฤทธิ์ที่เพียงพอในการชำระล้างอย่างถาวร ปฏิกริยาเหล่านี้ต่อความต้องการในการทำให้สะอาดและศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนว่าจะพลาดการสร้างการเก็บสะสมบุญกุศลในขณะที่พวกเขามีชีวิตที่สั้นซึ่งเป็นการปฏิเสธด้วยความสั้นของกาลเวลาในขณะที่พวกเขากลับมาล้างตนเองตลอดไป ดังนั้นมันจึงปรากฎว่าความต้องการในการทำซ้ำ ๆ นี้ต้องเป็นการล้างอย่างหมดจดนั้นไม่สามารถเอาความรู้สึกในขั้นสุดท้ายนั้นออกไปได้ในขณะที่ยังทิ้งไว้ซึ่งบางแง่ของความไม่สะอาดและความจำเป็นของใครบางคนผู้ที่สามารถจะมาถึงจุดที่ไม่สามารถเอื้อมถึงนั้นได้ในอัตลักษณ์ของตนเองเป็นดังการขจัดมลทินของหัวใจมนุษย์ออกไป

อย่างไรก็ตามมีผลประโยชน์จากการปฏิบัติที่แท้จริงในทางสุขอนามัยเมื่อมีการอาบและล้างแต่เมื่อมาถึงเรื่องที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงภายในและภายนอกผ่านการทำทางกิริยานี้ซึ่งเป็นการล้างผิวภายนอกแต่ให้การรักษาลึกลงไป ซึ่งอาจจะเป็นการปรากฎออกมาอย่างจริงใจและชัดเจนที่เป็นรูปแบบของปรีชาญาณ แต่ยังไม่สามารถที่จะเจาะลึกลงไปเหนือระดับพื้นผิวที่เชื่อมต่อสิ่งที่โพ้นจากขอบเขตทางกายภาพที่เป็นวิญญาณที่ไม่ใช่วัตถุและอมตะในขณะที่มุ่งอุทิศไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีในด้านจิตใจของแต่ละปัจเจกบุคคล

รับไบเยซูอาได้กล่าวในวิธีการเช่นนี้ไปยังเพื่อนชาวยิวในเรื่องการปฏิบัติเช่นนี้

มัทธิว 15:1-2,11, 17-20
15 1เวลานั้น ชาวฟาริสีและธรรมาจารย์จากกรุงเยรูซาเล็มมาเฝ้าพระเยซูเจ้า ทูลว่า 2’ทำไมศิษย์ของท่านละเลยขนบธรรมเนียมของบรรพบุรุษ? เขาไม่ล้างมือเมื่อรับประทานอาหาร
11สิ่งที่เข้าไปทางปากไม่ทำให้มนุษย์มีมลทิน แต่สิ่งที่ออกมาจากปากต่างหากทำให้มนุษย์มีมลทิน’
17ท่านไม่เข้าใจหรือว่าสิ่งต่างๆที่เข้าไปในปากย่อมลงไปในท้องแล้วถูกขับถ่ายลงท่อระบายไป 18แต่สิ่งที่ออกมาจากปากนั้น ออกมาจากใจ สิ่งเหล่านี้แหละทำให้มนุษย์มีมลทิน 19ใจเป็นที่เกิดของความคิดชั่วร้าย การฆ่าคน การมีชู้ การสำส่อน การลักขโมย การเป็นพยานเท็จ การใส่ร้าย 20การกระทำเหล่านี้ทำให้มนุษย์มีมลทิน ส่วนการรับประทานโดยไม่ล้างมือ ไม่ทำให้มนุษย์มีมลทิน’

จากความสกปรกของมนุษย์ในแง่อื่น ๆ ของเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับความรู้สึกและความเข้าใจที่มีนัยสำคัญของการตระหนักที่ลึกกว่าเพื่อจะขจัดสิ่งมลทินของความผิดและความละอายที่เหลือจากความล้มเหลวทางศีลธรรม สิ่งนี้เตือนถึงละครเช็คสเปียร์ที่ท่านหญิงแมคเบธตะโกนว่า “ออกไป ไอ้จุดนรก” ซึ่งเกี่ยวข้องกับบทบาทของเธอต่อความตายของกษัตริย์ดุนแคนที่เป็นความต้องการที่จะขจัดลอยเลือดที่ติดบนผิวหนังบนมือของเธอ

ในบางแง่ของการกระทำพิธีการเหล่านี้มันกลับมาเป็นหนทางทางอ้อมผ่านการกระทำในการสารภาพอย่างเปิดเผยในขณะที่ยอมรับสภาพแห่งความรู้ตายของพวกเขาและดังนั้นการล้างจึงเป็นวิธีการตอบสนองต่อความสามารถของมนุษย์และความพยายามของตนเองต่อการทำงานที่ลึกลับให้เพียงพอต่อความล้มเหลวทางศีลธรรมของตนโดยแรงขับที่ทำขึ้นเพื่อทำความสะอาด อีกครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเชื่อว่าการผิดพลาดนี้เป็นการแสดงถึงประสิทธิผลโดยไม่คำนึงถึง ความตระหนัก ความปรารถนา ความศรัทธา และ ความร้อนรนของพวกเขาในการประกอบพิธีเหล่านี้เป็นดังหนทางที่เพียงพอในการคืนดีหรือทำสิ่งเหล่านี้ให้ถูกต้องผ่านความสามารถที่จำกัดและต้องพึ่งพาในองค์ประกอบแบบมนุษย์ในการกระทำแห่งความสำนึกถึงบาปผิดเพื่อจะชดเชยและทำให้สงบ การขอความกรุณา และ การยอมรับโดยหลายหลากวิธีการเหล่านี้ แม้ว่าถ้าสิ่งทั้งหมดนี้ที่มีความเป็นไปได้เมื่อมันได้มีความเพียงพอในการลบล้างสถานภาพของความไม่สะอาดและในบางระดับของการชำระล้างอันสามารถลบล้างลอยสักต่าง ๆ นั้นให้ออกไปซึ่งได้คงค้างอยู่ที่ลบไม่ออกบนหัวใจซึ่งสลักไว้ในจิตและวิญญาณด้วยความตายของทั้งการกระทำในอดีตและอนาคตนั้น

โดยสรุปแล้ว มีความรู้สึกสำนึกที่แท้จริงซึ่งดำรงอยู่ภายในมนุษย์ทุกคนที่เราได้ทำลายมาตรฐานของพระเป็นเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ในการระบุถืงความรู้สึกที่กำลังจะเกิดขึ้นของการพิพากษาในอนาคตสำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำการแก้ไขข้อขัดแย้งสำคัญนี้

โรม 2:14-16
14ดังนั้น เมื่อคนต่างชาติซึ่งไม่รู้จักธรรมบัญญัติ และประพฤติตามข้อกำหนดของธรรมบัญญัติจากสามัญสำนึก แม้พวกเขาจะไม่รู้จักธรรมบัญญัติ พวกเขาก็เป็นธรรมบัญญัติสำหรับตนเอง  15พวกเขาแสดงให้เห็นสิ่งที่ธรรมบัญญัติกำหนดไว้ในใจตามมโนธรรมและบางครั้งความคิดตามเหตุผลที่กล่าวโทษก็ป้องกันพวกเขา  16ในวันที่พระเจ้าทรงตัดสินพิพากษาความคิดที่เร้นลับของมนุษย์ทุกคนด้วยเดชะพระเยซูคริสตเจ้า ตามข่าวดีที่ข้าพเจ้าได้ประกาศไว้

มนุษยชาติได้ดิ้นรนในการเกี่ยวข้องกับความตึงเครียดนี้ในการสร้างรูปแบบหรือการสร้างการสนทนาทางศาสนาที่เป็นภาพลวงของคติความเชื่อนี้เป็นดังการถางแนวทางในการค้นพบวิธีการนำไปสู่หนทางนี้ต่อการเห็นแจ้งในขณะที่ความเป็นศัตรูของคนโรคจิตที่ต่อต้านพระเจ้าที่หลอกลวงซึ่งปฏิเสธความจำเป็นที่จะจากบ้านของพวกเขาในขณะที่ท่องเที่ยวไปตามหนทางการสำรวจ ซึ่งจากความเชื่อของพวกเขาเอง นำไปที่ไหนก็ไม่ทราบดังศาสนาที่กลับกลายมาเป็นหนทางที่คนที่มีจิตใจอ่อนแอจนเป็นแบบโรคประสาทฟรอยด์แห่งความเพื้อฝันในการแสวงหาหนทางในการสร้างดินแดนที่ตนเชื่อว่ามีอยู่จริง ดังนั้นมันเป็นเรื่องที่ช่างน่าสนใจ ในแง่หนึ่ง มนุษยชาติได้พบวิธีที่จะตัดผ่านหรือจัดการกับสิ่งนี้ได้ในขณะที่ต้องจัดการกับตนเองในสิ่งที่เรียกร้องอย่างมีสติจากพระผู้สร้าง

ในการตอบสนองวิกฤตการณ์นี้ ข้าพเจ้าอยากแนะนำวิธีการแก้ไขโดยวิธีของบุคคลและภารกิจของพระคริสต์ผู้ที่ไม่เหมือนกับในศาสนาอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความพยายามของมนุษย์ที่จะแสวงหา การเข้าถึง หรือ การมาถึงพระเป็นเจ้าแต่เป็นเรื่องที่พระเป็นเจ้าเองแสวงหามายังมนุษย์ในการสร้างสัมพันธ์และมีการตอบรับในความไว้วางใจจากทั้งสองฝ่าย สิ่งนี้ไม่ได้เป็นไปตามความแข็งแกร่ง หรือ ในเรื่องของความอ่อนแอของความสามารถทางบุคคลของมนุษยชน แต่เป็นเรื่องของความสะอาดและบริสุทธิ์ที่ได้รับประทานมาเป็นพระคุณที่ได้รับมาฟรี เป็นผลจากการเป็นผู้ที่ติดตามและนมัสการซึ่งพระเป็นเจ้าเอง และไม่ใช่เรา ทำให้เกิดขึ้น

ทีตัส 3:5
5พระองค์ทรงช่วยเราให้รอดพ้นมิใช่เพราะกิจการชอบธรรมใด ๆ ที่เรากระทำ แต่เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ ทรงใช้น้ำชำระเราให้สะอาด เราจึงเกิดใหม่และได้รับการฟื้นฟูโดยพระจิตเจ้า

โรม 6:23
23เพราะ ค่าตอบแทนที่ได้จากบาปคือ ความตาย ส่วนของประทานที่พระเจ้าประทานให้เปล่า คือชีวิตนิรันดรในพระคริสตเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

เอเฟซัส 2:8-9
8ท่านได้รับความรอดพ้นเพราะพระหรรษทานอาศัยความเชื่อ ความรอดพ้นนี้มิได้มาจากท่าน แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า  9มิได้มาจากการกระทำใด ๆ ของท่าน เพื่อมิให้ใครโอ้อวดตนได้

1 ยอห์น 1:7
7แต่ถ้าเราดำเนินชีวิตในความสว่างดังที่พระองค์ทรงดำรงอยู่ในความสว่างแล้ว เราทุกคนก็สนิทสัมพันธ์กันด้วยและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราให้สะอาดจากบาปทั้งปวง

1 ยอห์น 1:9
9พระองค์ทรงซื่อสัตย์และทรงเที่ยงธรรม   ถ้าเราสารภาพบาปพระองค์จะทรงอภัยบาปของเรา

และจะทรงชำระเราให้สะอาดจากความอธรรมทั้งปวง

ท่านอาจจะต่อต้านความเชื่อในคริสตศาสนาในการไม่เป็นคนที่มีความแตกต่างไปมากกว่ารูปแบบการแสดงออกของทางศาสนาโดยพิธีศักดิ์สิทธิ์ในการล้างด้วยน้ำล้างบาปและในส่วนนั้น ข้าพเจ้าอาจจะเห็นด้วยกับท่านว่ามันไม่ได้เป็นอะไรแค่เพียงการอาบน้ำและการผ่านในเคลื่อนไหวในการระบุตัวตนเข้ากับศาสนจักรแต่ผู้ที่โดยแก่นแท้เป็นผู้ที่ไม่สะอาดเป็นดังผู้ที่มีความเชื่อจอมปลอม ศีลล้างบาปที่แท้จริง อันเป็นแก่นแท้แห่งความเชื่อ เป็นการรับใช้ขั้นแรกที่เป็นสัญญลักษณ์หรือสัญลักษณ์ภายนอกที่มีประสิทธิภาพและพลังในการชำระล้างของโลหิตแห่งชีวิตของพระเยซูที่สมบูรณ์และมีค่ายิ่งซึ่งชำระให้บริสุทธิ์และชำระบาปของผู้ที่เชื่อทั้งสิ้นในการประกาศอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาเป็นผู้ชอบธรรมและเป็นการเข้ากับการลงมาของพระจิตเจ้าที่เปลี่ยนตัวบุคคลผู้ที่ผ่านกระบวนการสร้างใหม่ที่นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ภายใน ดังนั้นการกระทำในศีลล้างบาปคือพยายามหรือประจักษ์พยานที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการรวมขององค์ประกอบของไฮโดรเจนและอ๊อกซิเจนเพื่อจะได้ประโยน์จากของเหลวแต่มันเป็นการผ่านงานช่วยให้รอดของพระคริสต์และน้ำทรงชีวิตของพระจิตเจ้าที่เป็นดังเครื่องผลิตกระแสไฟที่อยู่ภายในตัวบุคคลที่ปรากฎมีหลักฐานโดยการเปลี่ยนแปลงในหัวใจและชีวิต เป็นพระเป็นเจ้าเองที่ประทานของขวัญที่ดีแห่งความรอดนี้และพระจิตเจ้าซึ่งไม่ได้ดำรงอยู่โดยผ่านความพยายามของมนุษย์ผู้ล้างบาปที่ใส่ลงไปและดังนั้นน้ำล้างบาปจึงกลับกลายมาเป็นเสี้ยวหนึ่งของความเป็นจริงของสวรรค์ของอำนาจของพระเป็นเจ้าในครรถ์นี้เหมือนกับการทำกิจกรรมให้การให้กำเนิดใหม่ให้กับบุคคล ไม่ได้เป็นการเกิดใหม่ของเจตจำนงมุนษย์ หรือ ต้นกำเนิดใหม่ เช่นในกิจกรรมทางศาสนาต่าง ๆ แต่เป็นการผ่านการสนิทชิดใกล้กับพระเป็นเจ้าในการเกิดมาจากเบื้องบนและเกิดใหม่อีกครั้งผ่านทางพระคริสต์และพระจิตเจ้า การเกิดใหม่นี้ไม่สับสนกับการเกิดใหม่ในทางฮินดู และ ทางพุทธในเรื่องความคิดรวบยอดของการเวียนว่ายตายเกิด แต่เป็นผลจากงานของพระคริสต์ผู้ที่ส่งพระจิตเจ้าเป็นดังสิ่งที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่พระองค์ทรงเริ่มทำก่อนโดยติดตามด้วยการกระทำที่ตอบสนองของความเชื่อหรือความไว้วางใจในความรอดของพระองค์

พระวรสารเหมือนกับความจริงนี้ที่มีพื้นฐานจากการไถ่บาปในอนาคตของชาวอิสราเอลตามคำเล่าของประกาศกชาวฮีบรู

เอเซเคียล 36:25-27
25เราจะเอาน้ำสะอาดพรมเจ้า และเจ้าจะสะอาดพ้นจากมลทินทั้งหลายของเจ้า และเราจะชำระเจ้าจากรูปเคารพทั้งหลายของเจ้า26เราจะให้ใจใหม่แก่เจ้า และเราจะบรรจุจิตวิญญาณใหม่ไว้ในเจ้า เราจะนำใจหินออกไปเสียจากเนื้อของเจ้า และจะให้ใจเนื้อแก่เจ้า27และเราจะใส่วิญญาณของเราภายในเจ้า และกระทำให้เจ้าดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และเจ้าจะรักษาคำตัดสินของเราและกระทำตาม

รับไบเยชัวกล่าวมันในวิธีการนี้ระหว่างการฉลองกระโจมหรือสุคคตใน

ยอห์น 7:37-39
37ในวันสุดท้ายของเทศกาลอยู่เพิงซึ่งเป็นวันสำคัญที่สุด พระเยซูเจ้าทรงยืนและทรงประกาศเสียงดังว่า’ผู้ใดกระหาย จงมาหาเราเถิด! 38ผู้ที่เชื่อในเรา จงดื่มเถิด!ตามที่พระคัมภีร์กล่าวว่า “ลำธารที่ให้ชีวิตจะไหลออกมาจากภายในผู้นั้น”‘ 39พระเยซูเจ้าตรัสดังนี้หมายถึงพระจิตเจ้า ซึ่งผู้ที่เชื่อในพระองค์จะได้รับ แต่เวลานั้นพระเจ้ายังมิได้ประทานพระจิตเจ้าให้ เพราะพระเยซูเจ้ายังมิได้รับพระสิริรุ่งโรจน์

ชาวยิวโบราณในแง่ที่ดีที่สุดมีความพึงพอใจชั่วคราวในการทำหน้าที่ในจารีตพิธีต่อพระเป็นเจ้าและดังที่ระบุใน ฮีบรู 10 สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสัญลักษณ์แต่ไม่ใช่ความเป็นจริงในตัวมันเองดังที่การถวายของพระคริสต์ในการชำระล้างของพวกเราที่มอบให้เพียงครั้งเดียวสำหรับตลอดไปเป็นการถวายบูชานิรันดรเป็นดัง “ลูกแกะของพระเป็นเจ้า” ผู้ที่ลบล้างบาปของโลก การกล่าวว่าชาวยิวไม่ต้องการการถวายบูชาในทุกวันนี้ที่เป็นจารีตของการภาวนา การจำศีลอดอาหาร และ กิจการดีที่จะเพียงพอในการเป็นการที่ทำให้พึงพอใจเป็นกิจกรรมที่ละเมิดและเป็นกบฎต่อพระวาจาที่บันทึกไว้เป็นดังการปฏิเสธต่อการเสร็จสมบูรณ์ของโตราห์ใน

เลวีนิต 17:11
11เพราะ‍ว่า​ชีวิต​ของ​สัตว์​ทุก​ตัว​อยู่​ใน​เลือด เรา​ได้​ให้​เลือด​แก่​เจ้า​ทั้ง‍หลาย​เพื่อ​ใช้​บน​แท่น‍บูชา เพื่อ​จะ​ลบ​มลทิน​ของ​เจ้า​ทั้ง‍หลาย เพราะ‍ว่า​โลหิต​เป็น​สิ่ง​ที่​ใช้​ลบ​มลทิน เพราะ​ชีวิต​เป็น​เหตุ

ไม่ว่าท่านจะทำ มิทซว๊อทมากมายแค่ไหนสิ่งที่แน่นอนคือท่านได้ทำเพียงพอหรือบาปของท่านได้รับการอภัยหรือไม่ นอกเหนือไปจากการบูชาของพระเป็นเจ้าที่ทรงประทานให้แห่งความเมตตาและพระพรผ่านทางพระแมสซีอาห์ใน อิสยาห์ 53?

เช่นเดียวกับเพื่อนมุสลิมของข้าพเจ้าที่ปฏิเสธความตายของพระเยซูว่าเป็นดังลักษณะที่คล้ายกันของความผิดพลาดในการทำหน้าที่ทางประกาศกทั้งสิ้นที่พลาดประเด็นที่ว่าสิ่งนี้เป็นแผนการแห่งพระสิริมงคลของพระเป็นเจ้าที่จัดหารูปแบบของอับราฮัมในชดเชยการไถ่โทษความผิดของพระแมสซีอาห์ซึ่งยอมรับการดูหมิ่นและความอับอายชั่วคราวเป็นดังความประสงค์และโอกาสแห่งความยินดีเมื่อทรงรับทนทุกข์ทรมานบนไม้กางเขนในการนำหลาย ๆ คนไปสู่สิริมงคล ฮีบรู 2:9-18; 12:2.

การตรึงกางเขนของพระเยซูคริสต์และอิสลาม

ในตอนจบ พระเยซูสามารถประทานน้ำทรงชีวิตซึ่งทำให้วิญญาณของท่านพึงพอใจและทำให้สดชื่นได้โดยสมบูรณ์และเต็มเปี่ยมและแม้แต่พระบิดาเจ้าสวรรค์สามารถนำท่านมาสู่น้ำนี้ พระองค์ไม่ทรงบังคับให้เราดื่มมัน ดังนั้นในที่สุด ข้าพเจ้าขอให้กำลังใจเพื่อนของข้าพเจ้า เช่นเดียวกับหญิงชาวซามาริทัน เพียงแต่ขอน้ำทรงชีวิตนี้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการดับความกระหายทางด้านจิตวิญญาณ ของท่านนอกเหนือไปจากศาสนา ลัทธิ และปรัชญาผิด ๆ อื่น ๆ ที่ไม่เพียงแต่ปล่อยให้ท่านไม่ได้รับความช่วยเหลืออะไรและยังคงกระหายอยู่อีกเท่านั้น

ยอห์น 4:10, 13-14
10พระเยซูเจ้าตรัสตอบนางว่า”หากท่านรู้จักของประทานของพระเจ้าและรู้จักผู้ที่บอกท่านว่า’ขอน้ำดื่มสักหน่อยเถิด’  ท่านคงกลับเป็นผู้ขอและผู้นั้นจะให้ “น้ำที่ให้ชีวิต” แก่ท่าน” 13พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่าทุกคนที่ดื่มน้ำนี้จะกระหายอีก 14แต่ผู้ที่ดื่มน้ำซึ่งเราจะให้นั้นจะไม่กระหายอีกน้ำที่เราจะให้แก่เขาจะกลายเป็นธารน้ำในตัวเขา ไหลรินเพื่อชีวิตนิรันดร”

มธ. 11:28-30
28’ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน 29จงรับเอาแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน 30เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา’

 

 

 

ลิงค์เกี่ยวข้องอื่น ๆ

วิธีการมีสัมพันธภาพกับพระเจ้า

แหล่งข้อมูลของชาวอิสลามและมุสลิม

ภาษาไทย

Ritual cleansing and purification

Leave a Reply