Archive for the ‘Islam’ Category

อัลเลาะห์เป็นหนึ่งเดียวหรือ?

Thursday, October 23rd, 2014

มุมมองของอัลเลาะห์ที่เป็นหนึ่งเดียวไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากอิธิพลของชาวอาหรับเนื่องจากบรรพบุรุษของพวกเขาเป็นพวกที่นับถือพระหลายองค์ ข้าพเจ้าพบว่าเป็นเรื่องแปลกที่วัฒนธรรมอาหรับที่ปรับตัวเข้ากับมุมมองของการนับถือพระองค์เดียวของวัฒนธรรมต่างชาติที่มีรากฐานความเชื่อและอิธิพลจากทั้งยิวและคริสตชน พื้นฐานสำหรับอิสลามมีรากฐานจากความมีสติ ความั่นใจ และ การประกาศความเชื่อต่างชาติ ทำไมพระเป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพและสูงสุดผู้ที่เป็นกษัตริย์เหนือจักรวาลเป็นผู้ให้กำเนิดความจริงแก่ผู้ใดก็ตามที่ในที่สุดได้กล่าวยืนยันว่าเป็นผู้รับข่าวสารนี้ (ชาวมุสลิม) ถ้าไม่ใช่เพราะมันเพียงมาจากแหล่งอื่นที่มีการเปลี่ยนแปลง ผิดหลง และ เสื่อมสลาย ใช่ไหม? ใครยืมความจริงจากใครกันแน่? ใครมีอิธิพลต่อใครกันในเรื่องนี้? มันเป็นไปได้ที่จะมีการหยิบและเลือกมุมมองของศาสนาที่เข้ากับมุมมองส่วนบุคคลต่อโลกของอิสลามเพื่อนำมาใช้เพื่อครอบครองว่าเป็นอัตลักษณ์ของตนเอง? มีศาสนามากมายที่อาจจะก่อเกิดการเผยแสดงใหม่ เพียงแต่การศึกษาเกี่ยวกับพยานของเยโฮวาและมอร์มอนผู้ที่มีประสบการณ์คล้าย ๆ กับของอิสลาม โยเซฟ สมิทก็เหมือนกับมูฮัมหมัดที่แสวงหาความจริงและเขาเองได้รับการเปิดเผยเป็นการส่วนตัวผ่านเทวดา แน่นอนการมาเยี่ยมของเทวดาของโยเซฟ สมิทก็มีข่าวสารที่เป็นลักษณะเฉพาะตัวและการตีความก็แตกต่างอย่างมากจากการเปิดเผยของเทวดาที่ให้กับมูฮัมหมัด ดังนั้นใครเล่าที่ถูกต้อง? โยเซฟ สมิทที่มีชื่อเสียงเป็นผู้ที่มีชื่อเป็นผู้ที่มีลัทธิศาสนาที่เติบโตเร็วและใหญ่ที่สุดในระดับโลก หรือ เช่นเดียวกับอิสลาม ที่เป็นศาสนาที่เติบโตเร็วที่สุดมีผู้ติดตามกว่า 1 พันล้านคน

เปาโลอัครสาวกเตือนเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนที่อิสลามจะก่อกำเนิดขึ้นและก่อนที่โยเซฟ สมิทจะเกิดมาด้วยซ้ำ และที่ท่านระบุไว้ในจดหมายถึงชาวกาลาเทียน 1:8 ที่แม้แต่เทวดาลงมาจากสวรรค์จะมาเทศน์พระวรสารอื่นใดนอกเหนือจากที่เราได้สอนพวกท่าน ขอให้พวกเขาได้ถูกลงโทษไปชั่วนิรันดร

 

 

ลิงค์เกี่ยวข้องอื่น ๆ

วิธีการมีสัมพันธภาพกับพระเจ้า

แหล่งข้อมูลของชาวอิสลามและมุสลิม

ภาษาไทย

Is Allah One?

การตรึงกางเขนของพระเยซูคริสต์และอิสลาม

Wednesday, October 22nd, 2014

เมื่อเรากล่าวถึงการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู สิ่งนี้ไม่เป็นเพียงเรื่องที่ขัดแย้งกันในความแตกต่างระหว่างพระคัมภีร์ไบเบิ้ลและคัมภีร์อัลกุรอานเท่านั้น แต่มันยังเป็นเรื่องของการที่นำไปพิจารณาในแหล่งข้อมูลทุติยภูมิอื่น ๆ อีกทั้งหมดซึ่งมีลักษณะธรรมชาติในทางโลกและใครที่ไม่ว่าจะรายงานบนพื้นฐานทางประวัติศาสตร์หรือในมุมมองที่เป็นปรปักษ์ เมื่อสาธยายเกี่ยวกับการตรึงกางเขนของพระเยซูและดังนั้นพวกเขาจะไม่เห็นด้วยกับคำสั่งสอนของคริสตชน แหล่งข้อมูลเหล่านี้รวมถึงบทความที่ร่วมสมัย เช่น มารา บาร์-เซราปีออน , ทัลมัด ยิว, ทัลลัส , คอร์เนลีอุส, ทาซิตัส และ ฟลาวิอุส โจเซฟุส ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ประพันธ์ทั้งชาวโรมันและชาวยิว

เช่นเดียวกัน การตรึงกางเขนไม่ได้เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่ยากลำบากและสำหรับศัตรูของพระคริสต์ สิ่งนี้ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญที่มีการระบุตัวผิดไปในขณะที่พวกเขาก็ได้นำศพของพระคริสต์ไปโดยตลอดและถึงขั้นที่ให้มีการเฝ้ายามกันที่หลุมศพ พวกเขาไม่ได้ห่วงถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์แต่พวกเขาห่วงกังวลถึงการกล่าวอ้างถึงการกลับเป็นขึ้นมาจากความตายและการที่ศพจะถูกขโมยไปมากกว่า

จากมุมมองของพันธสัญญาใหม่มันคงเป็นเรื่องที่ซับซ้อนสำหรับสถานการณ์นี้ที่จะเป็นเรื่องหลอกลวงไปได้ ในเมื่อสิ่งนี้ที่ไม่เพียงแต่จะเกี่ยวพันกับเรื่องหลักเท่านั้นแต่เกี่ยวพันกับทุก ๆ สิ่งที่นำไปสู่การตรึงกางเขนตลอดเรื่อยมาจนถึงปรากฎมาซึ่งการกลับคืนพระชมน์ของพระคริสต์

ที่จริงแล้วการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูไม่ได้เริ่มต้นที่กางเขนแต่มันได้เริ่มต้นจากการเฆี่ยนและนั่นเกิดขึ้นหลังจากการไต่สวนจากทั้งฝ่ายโรมันและชาวยิว ดังนั้นระหว่างเวลาทั้งหมดนี้พวกเขาได้เผชิญหน้ากับพระคริสต์อย่างใกล้ชิดซึ่งทำให้ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับความเป็นตัวตนของพระองค์

ชีวิตและภารกิจของพระคริสต์ได้มีประจักษ์พยานจากหลาย ๆ คนก่อนหน้าที่จะถูกประหารชีวิตและมีคนทุกประเภทที่เป็นตัวแทนมาปรากฎอยู่ในการแขวนนี้ ซึ่งรวมถึงทหารโรมัน ศาสนจารย์ยิว และผู้ที่ติดตามของพระเยซูบางทีแม้แต่จอห์นอัครสาวกด้วย

ยังมีคนที่มาพูดคุยกับพระเยซูระหว่างการไต่สวนและการตรึงกางเขนซึ่งคงเป็นเรื่องที่ยากมากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการหลอกหลวงอย่างใหญ่หลวงในการมาตบตาของทุกคนที่รู้จักพระองค์อย่างใกล้ชิด มากกว่านั้นมันคงเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกับธรรมชาติของพระเป็นเจ้าที่จะทรงโกหกโดยปิดบังความจริงบางอย่างโดยการสร้างเรื่องหลอกลวงผิด ๆ มาเป่าหูผู้คนให้ตกลงไปในกลลวงหรือหลอกให้คิดไปว่ายูดาสคนนั้นคือพระเยซู

เช่นกันคำพูดต่าง ๆ ในระหว่างการไต่สวนและการตรึงกางเขนก็ไม่เข้ากับที่ของยูดาส ดังที่คนคนนี้อ้างว่าเป็นพระแมสซีอาห์ บุคคลคนนี้ยังได้ใช้คำพูดเช่น “วันนี้ ท่านจะอยู่กับเราในเมืองสวรรค์” หรือ “โปรดยกโทษแก่พวกเขาเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาทำอะไรไป” และ “เหตุฉะไหน พระเป็นเจ้าได้ทรงทอดทิ้งข้าพเจ้า” ถ้อยคำเหล่านี้เกิดจากฝ่ายที่บริสุทธิ์ไม่ใช่คนที่จะละทิ้งหรือทรยศไป

พวกเราก็เช่นกัน ต่างเข้าใจว่ามีหลักฐานทางกายภาพหลังจากการกลับเป็นขึ้นมาซึ่งพระเยซูได้เปิดเผยให้เห็นถึงบาดแผลของพระองค์และดังนั้นข้อพิสูจน์ที่หนักแน่นทั้งหมดที่จะบอกว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิดนั้นต่างไม่เข้ากันกับประจักษ์พยานของวรรณกรรมในพันธสัญญาใหม่จากหลักฐานจากแหล่งข้อมูลภายนอกที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงเช่นกัน แม้แต่พันธสัญญาเก่าที่ร่วมกันกับความคิดหลักนี้ และ สามารถพิจารณาว่าเป็นข้อความที่สนับสนุนซึ่งไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขโดยคริสตชนดังที่ชาวยิวได้ปกป้องข้อเขียนต่าง ๆ เหล่านี้ก่อนที่คริสตศาสนาจะมาถึง น่าประหลาดใจเมื่อฆราวาสชาวยิวจะไม่มีความสงสัยใด ๆ เมื่อได้ยินถึงพระคัมภีร์ในภาคพันธสัญญาเก่าเป็นครั้งแรกเช่นในอิสยาห์บทที่ 52:13-53:12 และบทสดุดีบทที่ 22 บางครั้งพวกเขาสร้างกลุ่มเคลื่อนไหวระหว่างการตรึงกางเขนของพระเยซูและผู้รับใช้ที่ทนทรมาน ณ จุดนี้พวกเขาบ่อยครั้งจะต่อต้านและอนุมานว่าท่านได้อ่านบางอย่างไปจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลของคริสตชนโดยไม่ได้ตระหนักว่าบทความเหล่านี้ก็มาโดยตรงจากคัมภีร์ของพวกเขาเอง ไม่เพียงแต่ว่าที่สิ่งเหล่านี้มีรายละเอียดเกี่ยวกับการเฆี่ยนและการตรึงกางเขนของพระองค์เท่านั้น ซึ่งไม่สามารถนำมาหลอกลวงได้เป็นพิเศษเมื่อสิ่งนี้ที่ทำให้มีการตรึงกางเขนซึ่งไม่ได้แม้แต่พัฒนาขึ้นมาจนกระทั่งพระวาจาเหล่านี้ได้มีการกล่าวทำนายมาก่อนล่วงหน้า อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าส่งลิงค์ให้ท่านซึ่งเป็นข้อความทางพระคัมภีร์เป็นภาษาอังกฤษเพื่อท่านสามารถนำไปอ้างอิงได้

Psalms

Isaiah

สุดท้ายนี้ แม้คนที่มีความสงสัยในทุกวันนี้ที่อาจจะนำมาโต้แย้งในบางแง่คิดของข้อความทางพระคัมภีร์แต่การตรึงกางเขนก็เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปและบางทีมีคนที่น่าจะคิดได้ในบางครั้งว่าพระองค์สมควรที่ได้รับผลที่ตามมานี้เป็นดังการปฏิวัติ

ในที่สุดข้อความของพระเยซูก่อนพระทรมานของพระองค์ก็ได้รับการยืนยันเช่นกัน การสิ้นพระชนม์ของพระองค์ซึ่งพระองค์ได้บอกถึงความตายของพระองค์ที่ใกล้เข้ามาก่อนที่มันจะสำเร็จไปแม้แต่ความอับอายและความประหลาดใจของสาวกผู้ที่ได้ปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้นมานี้ เหตุผลที่พวกเขาได้มีความคาดหวังเหล่านี้ในตอนแรกคือเนื่องจากว่าชาวยิวในสมัยนั้นอยู่ภายใต้การกดขี่จาก กฎหมายจากต่างชาติและสำหรับพวกเขาแล้วพระแมสซีอาห์เป็นดังผู้ที่มาปลดปล่อยพวกเขามากกว่าพระองค์ผู้ที่ต้องรับความตายอย่างโหดร้าย ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้สาวกได้วาดภาพตนเองไม่ได้เลยเนื่องจากความคิดเห็นของพระคริสต์เกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์และแรงจูงใจสำหรับพวกเขาคือการสร้างเรื่องราวซึ่งวาดภาพวีรบุรุษของพวกเขาที่ตายในมือของศัตรูหรือ? จากมุมมองแบบมนุษย์สิ่งนี้เหมือนกับเป็นรูปแบบของความอ่อนแอและความพ่ายแพ้มากกว่าจะเป็นชัยชนะสำหรับพระแมสซีอาห์ของพวกเขา มันอาจจะปรากฎเป็นสิ่งที่ดีกว่าพวกเขาถ้าจะไปตามความเข้าใจของคัมภีร์อัลกุรอานและให้พระเยซูจากไปโดยไม่ได้รับบาดเจ็บและปรากฎมาอีกครั้งในปลายยุคเพื่อฟื้นฟูทุกสิ่งทุกอย่าง

โดยแก่นแท้แล้ว พวกเขาไม่ได้มีการมองการณ์ไกลในการถอดความหมายของข้อความในพันธสัญญาเดิมและแม้แต่ในทุกวันนี้ประชาชนชาวยิวก็ตามืดบอดต่อคำต่าง ๆ เหล่านี้แม้ว่าคนยิวหลาย ๆ คนก็ได้มาสู่ความเชื่อผ่านทางพระคัมภีร์ซึ่งข้าพเจ้าได้อ้างอิงถึง

การเข้าใจถึงปัญหาหลังจากที่เหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้วของสิ่งนี้ มันเป็นสิ่งที่ชัดเจนมากขึ้นที่จะเห็นสิ่งต่าง ๆ ทั้งปวงหลังจากข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับใจความสำคัญของความทรมาน/ความตายว่ามันเข้ากับแผนการณ์ของพระเป็นเจ้าจากพระประสงค์นิรันดร์ของพระเป็นเจ้าและดังนั้นจึงเป็นการลบล้างรูปแบบใด ๆ ของการตีความที่เปล่าประโยชน์หรือไม่มีความหมายไป

ถ้าหากท่านทำแบบสำรวจเกี่ยวกับการสั่งสอนทางพระคัมภีร์ในเรื่องนี้ ท่านก็ต้องวางตนเองเข้าไปในปริบทของมุมมองทางพระคัมภีร์ในเรื่องของการไถ่บาปซึ่งได้เกิดขึ้นก่อนรากฐานของจุดสุดยอดของโลกพร้อมด้วยการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์จนไปถึงการกลับเป็นขึ้นมาและการเสด็จสู่สวรรค์ สิ่งนี้เป็นดังคำที่กำหนดว่าเป็นดังด้ายสีแดงของการไถ่กู้ซึ่งถักทอตัวมันเองในผืนผ้าแห่งประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับระบบการบูชาไถ่บาป

ธรรมชาติของระบบการไถ่บาปเป็นการผสมผสานระหว่างความยุติธรรมและความเมตตาของพระเป็นเจ้าซึ่งบาปและความผิดที่เกี่ยวข้องกัน กฎในพิธีกรรมนี้ได้จัดสรรให้ผู้ที่ทำลายสัญญาในเรื่องนี้ที่ผู้ทำผิดได้รับการอนุญาตให้จัดหาค่าไถ่ในรูปแบบของการบูชาของถวายหรือสัตวบูชา ในหนังสือเลวีนิติกล่าวว่าหากปราศจากการหลั่งโลหิตก็ไม่มีการอภัยบาป ดังนั้นสัตว์นี้ที่นำมาถวายเป็นดังของถวายที่บริสุทธิ์และชดเชยที่เลือดของชีวิตนั้นได้แลกเปลี่ยนในนามของฝ่ายที่ทำผิดและการแลกเปลี่ยนชีวิตต่อชีวิต

ในเรื่องราวทั้งหมดนี้ที่เป็นการจัดขั้นตอนที่หนังสือของชาวฮีบรูในพันธสัญญาใหม่ที่กล่าวถึงพระคริสต์ซึ่งเป็นเงาของพันธสัญญาเก่าที่เสร็จสมบูรณ์ในการเป็นลูกแกะของพระเป็นเจ้าผู้ที่ได้บูชาเพียงครั้งเดียวและทุกคนที่ทำงานของพระองค์ครบถ้วนก็จะได้ผลในการให้เราได้กลับคืนดีกับพระเป็นเจ้าและนำสันติมาสู่พวกเรา

เหตุผลที่พระคริสต์มายังโลกก็เพื่อเป็นตัวแทนมนุษยชาติและเนื่องจากพระองค์เป็นผู้ที่ปราศจากบาป พระองค์อาจจะทำเพียงแต่สิ่งที่ท่านและข้าพเจ้าไม่สามารถทำได้ในฐานะที่เป็นบูชาที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาโดยที่พระองค์ยินดีรับเอาโทษของบาปซึ่งโดยแท้จริงแล้วเป็นของเรา ในการเปรียบเทียบความชอบธรรมของพระคริสต์ เรามาสรุปว่าเราทุกคนต่างกระทำบาปและดังนั้นถ้าเราเปรียบเทียบกันเองระหว่างเรากับคนอื่นแต่ละคนแล้วนั้นบางทีเราอาจจะมีที่ยืนอยู่บ้างแต่ถ้าเราเทียบตัวเรากับพระเป็นเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์และชอบธรรมแล้วนั้นความเชื่อมั่นเช่นนี้ก็แตกสลายไปโดยง่าย เราไม่ได้แยกแยะระหว่างผลแอ๊บเปิ้ลต่าง ๆ ที่นี้ในเมื่อเราตัดสินในระหว่างตัวเราเองและคนอื่น ๆ และดังนั้นในขณะที่เรายืนอยู่ต่อหน้าพระบัลลังก์พิพากษาของพระเป็นเจ้าเราจะต้องตระหนักอย่างถ่อมตนว่าเราเป็นสิ่งสร้างของพระเป็นเจ้าและเหมือนกับต้นไม้เลวที่เราผลิตความเน่าเปื่อยจากผลไม้ที่เน่านั้น พระเป็นเจ้าเป็นผู้ประพันธ์ และผู้ที่ทำให้สรรพสิ่งสมบูรณ์ไปและสิ่งใดก็ตามที่ด้อยกว่านั้นย่อมเป็นการทำลายคุณลักษณะของพระองค์ ดังนั้นการรับประกันชนิดใดที่ใครในพวกเรามีต่อพระพักตร์พระเป็นเจ้าเมื่อเรามีแต่เพียงความชอบธรรมที่ไม่เพียงพอของเราเล่า? เราถูกปล่อยให้เปลือยเปล่าและแสดงต่อพระองค์และไม่ว่าความคิดหรือการกระทำใดที่ได้เผยออกมาและดังนั้นมันจึงไม่ประหลาดใจเลยว่าสติปัญญาของเราจะประนามตัวเราเองเมื่อเราพลาดที่จะดำเนินชีวิตไปตามกฎศีลธรรมขั้นพื้นฐานนั้น

นั่นคือทำไมที่เราต้องการพระผู้ไถ่ ก็เพราะว่าเราไม่สามารถช่วยตนเองจากพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้าซึ่งเรียกร้องความสมบูรณ์และยังที่พระเป็นเจ้าในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลได้ให้คำพรรณนาถึงพระองค์ว่าเป็นพระเป็นเจ้าแห่งความรักและความรักนี้ได้ขยายมายังพวกเราโดยการจัดหาให้สำหรับบาปของเราจากความเมตตาของพระองค์

พระเป็นเจ้าไม่ได้อยู่ภายใต้การถูกบังคับใด ๆ เช่นกันเพื่อทำสิ่งนี้ พระองค์เพียงแต่ให้เรารับทรมานจากพระพิโรธและการตัดสินของพระองค์อย่างสมบูรณ์ก็ได้ อย่างไรก็ตามข่าวดีคือเราไม่เพียงแต่ได้รับการไถ่ให้รอดโดยพระเป็นเจ้าเท่านั้นแต่เรายังได้รับการช่วยจากพระเป็นเจ้าโดยผ่าน ชีวิต การสิ้นพระชนม์และต่อมาคือการกลับคืนชีพของพระคริสต์ พระเป็นเจ้าทรงจัดหาการแก้ไขที่เราอาจจะต้องพินาศในการถูกตัดสินลงโทษแต่ตอนนี้แทนที่จะถูกขจัดไปจากพระเป็นเจ้า เราสามารถมีความมั่นใจและยังได้รับประกันว่าเมื่อเราผ่านจากชีวิตนี้ไปยังชีวิตหน้าเราจะไม่ต้องถูกทิ้งให้อยู่ในการพนันโดยการทอยลูกเต๋าแห่งนิรันดรภาพ

บางทีทุก ๆ เรื่องราวแห่งความรัก ความเมตตา และการเสียสละนี้ไม่ได้ทำให้ท่านเข้าใจและอาจเป็นเพราะท่านประหลาดใจถึงการที่พระเป็นเจ้าสามารถอนุญาตให้สิ่งที่ไม่เท่าเทียมกันนี้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันที่เราเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์และผู้ทำชั่วต่อต่อการกระทำที่นองเลือดนี้และยังปราศจากการให้อภัยนี้แล้ว ใครในพวกเราเล่าจะรอดไปได้?

พระคัมภีร์ไบเบิ้ลยังได้สนับสนุนความคิดอุตรภาพของพระเป็นเจ้าที่มันอธิบายความคิดของพระองค์นั้นไม่เป็นไปในแบบของเราหรือในวิถีทางแบบของเราแต่เป็นแบบของพระองค์ เราใช้เหตุผลแตกต่างไปที่เราคิดว่าพระเป็นเจ้าไม่ควรทำแบบนี้และนั่นเป็นพระราชอำนาจของพระองค์และปราศจากสิ่งนี้ยังจะมีความหวังอะไรที่เรามีอยู่? สิ่งนี้ยังไม่เป็นสิ่งที่ขัดแย้งหรือประนีประนอมต่อลักษณะและธรรมชาติของพระองค์ในฐานะที่พระองค์เป็นผู้นำความยุติธรรมโดยการรับเอางานแห่งความรอดของพระคริสต์เป็นค่าชดเชยสำหรับบาปของพวกเรา พระเยซูมีสิทธิ์ในการมอบชีวิตของพระองค์และรับมันกลับคืนมา พระองค์ยินดีสูญเสียชีวิตของพระองค์เพื่อแกะของพระองค์และแม้แต่เราที่ครั้งหนึ่งเป็นปรปักษ์ต่อพระองค์ พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเราและสิ่งที่ตามมานั่นคือทำไมมันจึงเรียกว่าเป็นดังพระคุณพระเป็นเจ้า

เมื่อท่านไตร่ตรองทุกอย่างนี้ เราไม่สามารถแม้แต่จะเข้าใจการตอบรับชนิดนี้และสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดก็เพียงแต่เชื่อมโยงไปยังความรักอันเสียสละของพ่อแม่หรือของสามีภรรยาแต่ความสมบูรณ์ที่มากกว่าคือพระเป็นเจ้าผู้ทรงสร้างสิ่งสร้างที่ไม่สมบูรณ์แบบเหล่านี้และดังนั้นข้าพเจ้าก็พึงพอใจที่จะทราบว่าความรักอันหาขอบเขตมิได้ของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่กว่าความรักของสิ่งสร้างที่จำกัดเป็นล้นพ้น สหายของข้าพเจ้า พระเป็นเจ้าไม่ได้สร้างชีวิตเพื่อเป็นดังเชื้อเพลิงสำหรับไฟในนรกและพระคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวว่ามันได้รับการจัดเตรียมแต่แรกเริ่มสำหรับปิศาจและลูกสมุนของมันและเรายังจะหลบหนีไปจากคำพิพากษาเช่นนั้นได้อย่างไรถ้าเราละเลยต่อการกระทำที่ทรงให้โดยเปล่าของพระคุณนี้โดยการปฏิเสธต่อแหล่งแห่งความรอดที่ทรงจัดหามาให้?

โดยความเคารพ การท้าทายของข้าพเจ้าต่อท่านคือท่านจะทำอย่างไรกับความผิดของท่านเล่า? ท่านเคยประหลาดใจหรือพิจารณาว่าท่านได้ทำกิจการดีเพียงพอหรือสมควรได้ไปสวรรค์ไหม? ท่านสามารถรู้อย่างแน่ชัดรึเปล่าว่าชีวิตของท่านเป็นที่ยอมรับจริง ๆ ต่ออัลเลาะห์?

ในการสรุปถึงความรักของพระเป็นเจ้าที่ไม่ทรงทอดทิ้งหรือปล่อยให้เราปราศจากความช่วยเหลือหรือหมดหวังเนื่องจากพระองค์ทรงประทานความรักของพระองค์โดยส่งพระเยซูมายังเราผู้ที่เรามอบความไว้วางใจของเราสำหรับชีวิตนิรันดร

ท้ายที่สุด พระเยซูส่งคำเชิญแก่ท่าน พระองค์ผู้ซึ่งรับแบกแอกในการปลดปล่อยเราจากหนี้การละเมิดและนำเราไปจากความเคร่งครัดจากความคาดหวังในศาสนาโดยผ่านความรู้และความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระองค์

มธ 11:28-30
28’ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก จงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน 29จงรับเอาแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน จิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน 30เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา’

 

ลิงค์เกี่ยวข้องอื่น ๆ

วิธีการมีสัมพันธภาพกับพระเจ้า

แหล่งข้อมูลของชาวอิสลามและมุสลิม

ภาษาไทย

Crucifixion of Jesus Christ and Islam

มุมมองของอิสลามที่ว่าพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเสื่อมลง

Wednesday, October 22nd, 2014

ความจำเป็นที่จะมีการตรวจสอบความถูกต้องของวรรณกรรมของพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในความคิดและความกังวลของชาวคริสต์เช่นกันและข้าพเจ้าได้เขียนบทความก่อนหน้านี้มาสองเรื่องที่ลงไปเกี่ยวกับหัวข้อนี้ อันหนึ่งคือจากจุดยืนทางวรรณกรรมและอีกอันหนึ่งคือจากมุมมองทางประวัติศาสตร์ซึ่งข้าพเจ้าได้ใช้แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ (นอกเหนือจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล) เพื่อพิสูจน์การยืนยันนี้

Is The Bible Reliable

Does Archaeology disprove the bible

เพิ่มเติมจากจุดอื่น ๆ ที่ข้าพเจ้าได้ลงไว้ในบล๊อกเหล่านั้น ข้าพเจ้าคิดว่ายังมีปัจจัยอีกสองสามอย่างที่ควรนำมาพิจารณาต่อคำถามถึงบูรณภาพของพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเช่น การเตือนจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเมื่อพระเป็นเจ้าจะลงมาพิพากษาใครก็ตามที่ทำลายหรือเปลี่ยนพระวาจาของพระเจ้า หรือต่อคำศักดิ์สิทธิ์นี้ , เฉลยธรรมบัญญัติ 4:2, วิวรณ์ 22:18 , จากความจริงที่ว่ามีสิ่งที่ต่อต้านศีลธรรมของคริสตศาสนาเพื่อหลอกลวง พูดเท็จ หรือเป็นพยานเท็จ ดังนั้นการพิจารณาถึงการกระทำของใครบางคนจากมุมมองทางจิตวิทยาและทางด้านจิตวิญญาณมันเป็นสิ่งที่คิดไม่ได้ว่าใครบางคนผู้ที่มีความเชื่อศรัทธาที่แท้จริงนั้นจะกล้าเปลี่ยนคำเหล่านั้นไปได้

ทฤษฎีสมคบคิดทั้งหมดนี้ขาดความน่าเชื่อถือในอีกแง่หนึ่งเช่นกันคือมันไม่เข้าท่าเลยสำหรับใครก็ตามที่จะเปลี่ยนหรือลบคำต่าง ๆ ออกที่ดูเหมือนว่าจะขัดแย้งในตัวมันเองซึ่งจะทำให้ถ้อยคำในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลดูไม่เป็นที่น่าพอใจหรือน่าสงสัย

เช่นกันในสองกลุ่มศาสนาที่แตกต่างกันคือศาสนายิว ซึ่งเป็นดังผู้ปกป้องพันธสัญญาเดิมหรือทานัค และชาวต่างศาสนาอื่น ๆ ที่เป็นดังผู้ที่ครอบครองหนังสือพันธสัญญาใหม่ที่มีอิทธิพลเหนือกว่า การเปลี่ยนแปลงของพระคัมภีร์ของพวกเขาทั้งสอง ดูเหมือนกว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย โดยเฉพาะที่พวกเขาต่างได้ร่วมแบ่งปันข้อความอันเดียวกันหรือใช้ร่วมกันมา แม้แต่การค้นพบม้วนหนังสือที่ทะเลตายที่กุมรันซึ่งระบุวันไว้ในข้อความที่เก่าแก่สุดของมาโซเรทิคประมาณ 1000 ปี ก็แสดงถึงบูรณภาพของพระคัมภีร์

อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกลุ่มที่ต่อต้านต่อการอ้างถึงความเสื่อมของพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเช่นนั้น มิฉะนั้นพวกเขาก็คงไม่อาจจะดำรงอยู่ในฐานะคู่แข่งขันในมุมมองทางโลก และดังนั้นมันดูเหมือนว่าจะมีความเป็นเหตุและผลที่จะมีแรงจูงใจในการมองสิ่งนี้อย่างมีอคติต่อข้อมูลทางพระคัมภีร์ที่ชักจูงไปเพื่อพิสูจน์ว่ามันผิดมากกว่าถูกต้อง หลังจากสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดซึ่งดูเหมือนว่าเป็นที่ชัดเจนเมื่อมีการถามพวกเขาว่าใครทำให้พระคัมภีร์เสื่อมสลายลง เมื่อใดที่มีการเปลี่ยนแปลง และสิ่งใดที่เปลี่ยนไปจริง ๆ มาถึงจุดนี้เราไม่ได้รับคำตอบที่เหมาะสมอย่างไรกลับมาต่อคำกล่าวหาเหล่านี้ทั้งหมดซึ่งขาดหลักฐานที่เพียงพอในการตอบคำถามสามประการเหล่านี้เลย

ข้าพเจ้าไม่แม้แต่ที่จะคิดเลยว่ามีกรณีใดที่ชัดเจนจาก คัมภีร์อัลกุอาน ในการปฏิเสธพระคัมภีร์ไบเบิ้ลว่ามันได้รับการยืนยันเป็นดังพระวาจาของพระเป็นเจ้าใน ซูเราะห์ 2:87, 3:3, 4:163, 5:46-47, 5:68, 10:94.

มากกว่านั้น คัมภีร์อัลกุอาน ดูเหมือนว่าจะแสดงว่า พระวาจาของพระเป็นเจ้าไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ 6:114-115, 6:34, 10:64.

ดังนั้นคัมภีร์อัลกุอาน ที่ระบุว่าพระวรสาร , โตราห์ และ บทสดุดี เป็น “พระวาจาของพระเป็นเจ้า” ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ข้าพเจ้าเชื่อว่ามิตรสหายมุสลิมของข้าพเจ้าว่าพวกเขาไม่มีข้อถกเถียงที่ถูกต้องจากหนังสืออันศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งของพวกเขาเพื่อมาสงสัยต่อพระคัมภีร์ไบเบิ้ล มากกว่านั้นการกล่าวว่า พระวาจาของพระเป็นเจ้า ในฐานะที่ได้รับการเปิดเผยในหนังสือโตราห์ บทสดุดี และ พระวรสารได้ถูกเปลี่ยนแปลงก็เท่ากับมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นกับคัมภีร์อัลกุอาน เช่นเดียวกันด้วย ถ้าหากว่ามันเป็นพระวาจาของพระเป็นเจ้าจริง ๆ

การอนุมานของคัมภีร์อัลกุอาน ต่อการที่พระวาจาของพระเป็นเจ้าที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้นั้นจริงแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลเพียงพอจากที่ว่าพระเป็นเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพมีอำนาจสูงสุดจะไม่ทรงสามารถที่จะรักษาพระวาจาของพระองค์ได้ ตลอดเวลาได้กระนั้นเชียวหรือ?

ที่สุด ถ้าพระคัมภีร์ไบเบิ้ลนั้นถูกต้องตามที่คัมภีร์อัลกุอานได้ยืนยัน ในช่วงเวลาของมูฮัมหมัดแล้วนั้น สิ่งนี้ก็จะก่อให้เกิดปัญหาสำหรับมุสลิมที่กล่าวหาว่ามันได้มีการเปลี่ยนแปลงในขณะที่มีการรวบรวมหลักฐานทางพระคัมภีร์ตามคำกล่าวของปิตาจารย์ในศาสนจักรในยุคเริ่มแรกที่ระบุวันเวลาที่อิสลามได้ยืนยันความถูกต้องของพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่เรามีอยู่ทุกวันนี้แสดงว่ามันก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในเวลานับพันปี ดังนั้นจากมุมมองของมุสลิมที่กล่าวว่าพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเสื่อมลงนั้นจึงเป็นการปฏิเสธต่อคำสั่งสอนทางการของมูฮัมหมัดซึ่งเป็นการขัดแย้งต่อการกล่าวอ้างของคัมภีร์อัลกุลอานซึ่งสนับสนุนการการดลใจการรักษาและความชอบธรรมของพระคัมภีร์ของคริสตชน

 

 

ลิงค์เกี่ยวข้องอื่น ๆ

วิธีการมีสัมพันธภาพกับพระเจ้า

แหล่งข้อมูลของชาวอิสลามและมุสลิม

ภาษาไทย

An Islamic view that the Bible has been corrupted

 

 

Permission granted by David Woods for excerpts taken from the article on “ Muhammad and the Messiah” in the Christian Research Journal Vol.35/No.5/2012

พระนาม อัลเลาะห์ ไม่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

Wednesday, October 22nd, 2014

พระนามของพระเป็นเจ้าในศาสนาอิสลามคือ อัลเลาะห์ พระนามนี้ผันมาจากความเป็นไปได้ต่าง ๆ ที่หลากหลายยี่สิบอย่างกว่าจะมาเป็นพระนามนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่ลี้ลับในพระนามนั้นเอง พระนามนี้ปรากฎอยู่ก่อนยุคอิสลามที่ ใช้กับนามของพระในศาสนาอื่น ๆ ที่ชาวอาหรับ ให้ความเคารพบูชา ดังนั้นจึงมีการใช้พระนามอัลเลาะห์ ที่มีมาก่อนที่มูฮัมหมัดจะได้รับการเผยแสดงจากพระเป็นเจ้า

 

 

ลิงค์เกี่ยวข้องอื่น ๆ

วิธีการมีสัมพันธภาพกับพระเจ้า

แหล่งข้อมูลของชาวอิสลามและมุสลิม

ภาษาไทย

Allah’s Name is not Sacred

มุสลิมที่มีความสุขและรักสันโดษ

Wednesday, October 22nd, 2014

ข้าพเจ้าได้คุยกับหลาย ๆ คนที่มีภูมิหลังจากหลากหลายศาสนาที่พวกเขาเริ่มต้นโดยมีความสุขและได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่พวกเขาทำเช่นกัน ดังนั้นบุคคลหนึ่งที่สามารถมีความสุขแต่กระนั้นก็อาจจะทำผิดโดยสุจริตเนื่องจากศาสนาที่แตกต่างกันเหล่านี้สามารถผิดพลาดได้แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกว่ามันถูกต้องแล้วก็ตาม

โดยส่วนตัวแล้ว ข้าพเจ้าไม่สามารถจะมีความสุขได้ในฐานะที่เป็นมุสลิมคนหนึ่งที่ไม่เคยที่จะรู้จริง ๆ ว่าข้าพเจ้าได้กระทำหรือเป็นคนดีเพียงพอในการนำไปสู่สวรรค์ จากการท่องข้อความเชื่ออย่างศรัทธา การสวดห้าครั้งต่อวัน การบริจาคทาน การถือศีลอดอาหารในระหว่างเดือนรอมฎอน และถ้ายังสามารถจาริกแสวงบุญไปยังกรุงเมกกะได้ สิ่งนี้ต้องเป็นที่ลำบากใจสำหรับมุสลิมบางท่านที่เห็นว่าการเป็นพลีชีวิตของพวกจีฮัดที่ดูเหมือนว่าเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่แท้จริงประการเดียวต่อความตึงเครียดนั้นซึ่งดูเหมือนว่ามันเป็นวิธีการที่น่าหดหู่และมองโลกในแง่ร้ายต่อความศรัทธาและชีวิต

จากมุมมองของพระคัมภีร์ ความรอดไปสู่สวรรค์เช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นเนื่องจากบุญกุศลและการอุทิศตนส่วนบุคคลเลย เพราะไม่มีผู้ใดที่ไม่มีบาปและเนื่องจากสิ่งนี้

ข้าพเจ้าไม่สามารถไว้วางใจต่อคุณงามความดีของตนเองได้ ซึ่งอาจจะดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ดีในสายตาของข้าพเจ้าเอง แต่มันนำความโกรธกริ้วต่อสายพระเนตรของพระเป็นเจ้า ในขอบเขตที่จำกัดของเรา พวกเราไม่สามารถที่จะเข้าใจทุกอย่างได้ หรือ วัดตนเองอย่างหมดสิ้น และเมื่อเทียบกับการวัดจากสวรรค์แล้ว เรานั้นไร้ค่าเมื่อเทียบกับพระเป็นเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นความรอดไม่ได้มาจากการที่เราไว้วางใจในตนเองหรือผลงานของเราหรือกิจกรรมต่าง ๆ แต่มันเป็นเพียงการได้รับมาจากตัวบุคคลและภารกิจที่จัดสรรให้จากพระคริสต์เป็นดังของประทานอันเมตตาแก่เราเท่านั้น

โรมัน 3:23
23  เหตุว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากสง่าราศีของพระเป็นเจ้า

โรมัน 6:23
23 เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานของพระเป็นเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

มธ. 11:28-29 พระเยซูตรัสว่า
28 จงมาหาเรา ทุกท่านที่ทำงานหนักและแบกภาระหนัก และเราจะให้ท่านพักผ่อน 29 จากรับแบกแอกของท่าน และเรียนรู้จากเรา เพราะเราอ่อนหวานและสุภาพ และท่านจะพบสันติในใจของท่าน

 

 

ลิงค์เกี่ยวข้องอื่น ๆ

วิธีการมีสัมพันธภาพกับพระเจ้า

แหล่งข้อมูลของชาวอิสลามและมุสลิม

ภาษาไทย

A happy and content Muslim

 

 

Permission granted by David Woods for excerpts taken from the article on “ Muhammad and the Messiah” in the Christian Research Journal Vol.35/No.5/2012

Muhammad and Miracles

Thursday, September 18th, 2014

The Quran implies that the only miracle that Muhammad performed was reciting the revelation of the Quran, Sura 29:49-52, Sura 17:90-93 and I have written more about the Quran at

Is the Qur’an sacred?

If these Quranic passages were true then this contradicts other accepted Islamic literature such as Sahih Bukhari Hadith which contains such outlandish animistic claims as stating that Muhammad comforted a tree trunk that was weeping by rubbing his hand over it, 4.783, and by giving the Meccan people a miracle by showing them the moon split in two halves between the Hiram Mountain, 5.208.

Obviously these folklore stories are fictitious and mythical and are like the pseudepigraphical gnostic gospels of the Nag Hammadi texts which contain similar unbelievable stories as based in the imagination of legend. Some Muslims will go as far as to use this pseudo christian literature as a proof text to substantiate the position of the Quran as denying the suffering of Jesus in His gruesome yet glorious death.
I have written another article about the crucifixion as authenticating the biblical witness to this historical event at

Crucifixion of Jesus Christ and Islam

In conclusion the Hadith like the Nag Hammadi accounts came many years after the life of Christ and Muhammad which allows for enough time to embellish their narrative to create a mythology of their person and work.

 

 

How to know God

Muslim Resources of Jesus

Islam and Jesus

 

 

 

Holman QuickSource Guide to Christian Apologetics, copyright 2006 by Doug Powell, ”Reprinted and used by permission.”

Мое свидетельство

Sunday, August 31st, 2014

Здравствуйте! Меня зовут Роб. Я из Техаса, США. Хочу рассказать немного о себе. Обычно я начинаю с того, что рассказываю, как Бог изменил мою жизнь, потому что это очень важно для меня. Около двадцати лет назад в моей жизни был очень тяжелый период. Я постоянно ощущал какую-то пустоту в сердце. Поверив в Иисуса Христа, мое сердце наполнилось любовью, миром и радостью, которую не может дать этот грешный мир. Иисус является моим вдохновением.
Если бы этого не произошло, я бы пытался найти мир и радость в других религиях и мировоззрениях. Мои личные отношения с Иисусом изменили всю мою жизнь. Они не ограничены какими-то рамками религии или философии. Это было настолько явственно. Это была кульминация моей жизни. Христос навсегда изменил ход моих мыслей, принципы, которыми я руководствовался, и верования, которым я следовал. Иисус преобразил меня. Я стал совершенно другим человеком. Я был словно заново рожден. Это было не просто религиозным термином; это была моя жизнь. Я стал новым творением во Христе. Некоторые изменения в моей жизни были моментальными, некоторые – все еще продолжаются. Я знаю, что Бог освободил меня от некоторых вещей, которые самостоятельно я был не в силах изменить. Иисус даровал мне силу победить никотиновую зависимость и сексуальную распущенность. Моя жена получила исцеление от болезни почек, и мой сын перестал болеть астмой. Это было еще одним явным свидетельством Божьей силы в моей жизни.
Я искренне надеюсь, что для вас время не прошло зря, пока вы читали это свидетельство.
Конечно, вы можете не поверить мне или не согласиться с моими доводами. Но я предлагаю вам честно и искренно попросить Бога явить вам истину об Иисусе Христе.
Моя молитва, чтобы Бог обильно благословил вас через это свидетельство.
Спасибо, что прочли это!

 

 

 
Как иметь отношения с Богом

 

Информационные ресурсы

My Testimony with Jesus

Является ли Коран священным?

Sunday, August 31st, 2014

Рассуждая о священстве Корана, нам необходимо анализировать и рассматривать его, как часть литературы, чтобы понять его первоначальный смысл и назначение.
Коран приобрел высокий статус в исламской среде, когда он, на самом деле, является объектом идолопоклонства среди многих сторонников ислама.
Более того, ислам утверждает, что он был дан свыше.
Изучая мормонизм, я заметил несколько сходств с исламскими традициями. Мормоны верят, что ангельское существо передало людям золотые таблички, на которых были начертаны слова истины.
Джозеф Смит посвятил себя поиску настоящей истины, что и привело его к воображаемому получению откровений божественной истины.
«Книга Мормона», содержащая божественные откровения, является совершенной книгой, по словам мормонов.
Мусульмане также заявляют о совершенстве Корана, который, согласно исламским верованиям, был написан под божественным руководством и вдохновением.
Джозеф Смит также настаивал на том, что «Книга Мормона» была одной из самых совершенных книг, которые он когда-либо писал.
Однако обе книги, заявляющие о божественном вдохновении, не являются настолько совершенными, как считают их сторонники и защитники. «Хотеть» и «быть» – это два совершенно разных понятия; поэтому, человек должен доказать или, по крайней мере, предоставить разумное доказательство, которое служит подтверждением заявленной цели.
Коран был написан одним человеком, который был крайне сомнительной личностью.
Мухаммед, после опыта получения божественных откровений, начал сомневаться в здравости своего рассудка, не понимая, кто он: сумасшедший человек или поэт. Он сам подозревал себя в одержимости демонами; подтверждениями этому могут быть его оккультные проявления и заявления, как и странность его поведения, когда он с пеной на губах ревел как верблюд.
Возникает и другой вопрос: «Почему Аллах выбрал неграмотного человека для передачи своей божественной истины?»
Больше информации об этом вы можете получить из моей другой статьи (ссылка ниже).

Является ли Мухаммед лжепророком?

Можно задать вопрос и о подлинности текста Корана, учитывая тот факт, что он заимствует информацию из вторичных источников: разные еретические учения, иудейско-христианская апокрифическая литература, которая не вошла в библейский канон. Эти апокрифические писания никогда не воспринимались всерьез.
Эта литература также была подвержена влиянию традиций персидского зороастризма, который был включен в писания Корана.
Как Аллах мог позаимствовать его небесное послание из ложных и языческих писаний земных созданий?
Какое совершенство или чудо может произойти из человеческого воображения и писания, которые были отвергнуты общинами, являющимися родоначальниками этой литературы?
Если ислам есть верховная религия, тогда почему она не происходит из своего собственного источника, а перенимает неиспользованные и отвергнутые материалы других религиозных течений, окружавших исламскую культуру в тот период времени?
Еще один вопрос возникает в контексте составления предполагаемых священных текстов, которые начертаны на портящихся материалах: костях, дереве, коже, листьях и камнях.
Коран, требовавший точности и непогрешимости, был составлен безграмотным человеком.
Можно ли воспринимать Коран, как монументальный труд, претендующий на звание «матери всех книг», или же он является не более, чем еще одним источником древней литературы?
Нет доказательств того, что Коран составлялся при жизни Мухаммеда или же немного спустя после его смерти. Есть сведения о том, что комплектация Корана осуществлялась в течение 150 или 200 лет после смерти пророка, и в 8 или 9 веке он, в конце концов, был канонизированный.
Ученые предполагают, что Коран был составлен не одним человеком, а группой людей в течение несколько сот лет.
Самая старая копия Корана датируется 790 годом от Рождества Христова, означая, что она была написана около 150 лет спустя после смерти Мухаммеда.
Столетний период времени разделяет жизнь Мухаммеда и фрагменты древнейшего манускрипта, которые были обнаружены.
Арабский язык считается божественным языком Аллаха. Следовательно, если Коран был дан Аллахом, тогда почему содержание Корана заимствовано из литературы, написанной на иностранных языках, к примеру, на акадийском, ассирийском, персидском, сирийском, еврейском, греческом, арамейском и эфиопском языках.
Если Коран является подлинной книгой, тогда почему нет оригинального текста, в особенности, когда мы имеем документы, которые датируют задним числом наступление ислама? Действительно ли Аллах смог сохранить свой священный текст?
Есть предположение, что Зейд ибн Сабит, личный секретарь Мухаммеда, принимал участие в написании Корана. Зейд, по поручению Абу Бакра, записывал все речи Мухаммеда, и на их основе, составил документ.
Во время правления Усмана, третьего халифа, была сделана попытка стандартизировать Коран и составить единый текст для всей мусульманской общины, что повлекло к созданию других копий, а также кодекса Зейда.
Можно ли полагать, что этот текст был стандартом? Сейчас у нас есть много копий этого когда-то существующего документа. Но как мы можем знать, что эти копии являются истинным Кораном? Если бы Мухаммед был жив, то смог бы он признать нынешнее содержание Корана?
Поскольку, многие манускрипты были уничтожены, то мы не можем восстановить оригинальный текст Корана.
Сосуществующие кодексы Зейда, Абдуллах ибн Масуда, и Абу-Муса очень отличаются друг от друга, несмотря на то, что авторы этих текстов были доверенными особами пророка Мухаммеда.
Мухаммед назначил Абдуллах ибн Масуда учителем Корана.
Какой же из манускриптов был истинным и более авторитетным среди остальных?
Мог ли Усман принимать окончательное решение по поводу правильности священного текста, когда существовали и другие авторитетные тексты, которые были признаны другими мусульманскими общинами?
Зейд, составляя текст, забыл записать некоторые сказания о побитии камнями.
Аль-Хаджжадж, правитель Куфы, в свое время пересмотрел и переиздал священный текст. Он внес одиннадцать поправок в текст; позже только семь его поправок были оставлены в Коране.
Текст Хафсы, который был исходным документом, был уничтожен Мирваном, правителем Медины.
Другой феномен Корана заключается в аннулировании некоторых положений Корана, если они являются противоречивыми; эта практика объяснялась необходимостью усовершенствования текста.
Мне непонятно, как можно усовершенствовать то, что изначально является совершенным?
Количество существующих аннулирований варьируется от 5 до 500; другие источники указывают на цифру 225. Все это говорит о том, что даже процесс аннулирования является неточным, поскольку, ни один человек не знает, сколько стихов было аннулировано.
В дополнение к внешним противоречиям, существуют также грамматические ошибки.
Также возрастает количество написанных хадисов, которые внезапно появились в 9 веке, т.е. 250 лет спустя смерти Мухаммеда.
Существуют сведения о 600 000 написанных хадисов, однако только 7 000 были сохранены до нашего времени, 99% которых признаны ложными.
Если 99% хадисов являются недостоверными посланиями, тогда, как мы можем доверять 1%, которые были утвержденными аль-Бухари?
Мусульманская традиция также содержит устные сказания или куссас (рассказчики историй), чьи работы были собраны не ранее, чем в 8 веке. Эти истории были взяты из местного фольклора, которые, таким образом, привнесли искажение в исламское учение.
Если вы когда-нибудь играли в игру «Испорченный телефон», тогда вы понимаете, как исходная история может быть искажена в конце.
Теперь представьте себе историю, которая прошла из уст в уста в течение нескольких сот лет. Какая история получится в конце?
Коран, который мусульмане воспринимают, как совершенное слово Аллаха или чудо из чудес, без литературного эквивалента является не более, чем гиперболизацией.
Коран оставляет больше вопросов, чем дает ответов на них.
Является ли Коран священным или же он не соответствует этому статусу?
Является ли он прекрасной литературой, которая несравненна с другими литературными трудами? Однако известно, что большая часть текста Корана была заимствована из других литературных источников.
Книга, которая заявляет о своей исключительности, на самом деле, представляет собой непоследовательное и бессвязное собрание текстов. Она также не выдерживает критического анализа, поскольку другие могут предоставить больше объективной информации об ее аутентичности.
Последователи исламского движения почитают Коран, даже не анализируя и не задумываясь об его подлинности и достоверности.
Вопросы по поводу недостоверности текста должны быть адресованы Аллаху и его пророку, которые, однако, находятся за рамками исламской мысли. Мусульмане такие вопросы воспринимают, как акты предательства, за которые они будут покараны страшным наказанием.
Возможно, вы полагаете, что существование Корана, пережив все транзитные фазы ислама, является чудом. Для меня же чудом является тот факт, что Коран воспринимается мусульманами, как божественное откровение.
Надеюсь, что я не преувеличил свои заявления касательно Корана, и не проявил неуважение по отношению к моим друзьям-мусульманам.
Это очень сложно делать, потому что, когда человек пропитан верой во что-то, тогда любые утверждения против нее воспринимаются, как угроза и проявление враждебности.
Я прошу прощения, если мое исследование вызвало у вас гневные эмоции. Я всего лишь хотел, чтобы вы увидели несовершенства того, что вы почитаете, как святое.
Мое намерение было не оскорбить вас, но защитить истину, и следовать ей, куда бы она ни привела.
Для большего изучения этой тематики, рекомендую вам почитать статьи, написанные Джей Смитом.

 

 

 
Как иметь отношения с Богом

 

Информационные ресурсы
Мусульманин и информационные ресурсы об исламе 

русский

Is the Qur’an sacred

Иисус, Иса или Иешуа во снах и видениях

Sunday, August 31st, 2014

Здравствуйте! Мой друг-мусульманин попросил меня рассказать о людях, знакомых мне, которым являлся Иисус во снах или видениях. Хочу начать с того, что однажды мне самому явился Бог в видении, еще, когда я был ребенком. Он совершенно неожиданно предстал передо мной в ярком свете, согласно библейскому описанию Божьей славы. Это видение оставило неизгладимое впечатление в моей душе. Я до сих пор отчетливо помню Божье явление; и хотя Он ничего не сказал мне, но, тем не менее, блеск Его славы и присутствия поверг меня на землю. Он действительно был достоин славы и поклонения.
У меня есть несколько друзей-евреев, которые также испытали Божье видение. Например, одна моя знакомая была большой противницей христианства, поскольку считала, что все религии равны. Она никогда не воспринимала всерьез мои увещевания. Однажды она сказала, что ее отец, в отличие от нее, был мастером дебатировать с христианами. На этом наш разговор закончился. Однако перед своей смертью, когда она лежала в больнице, по ее словам, Иисус несколько раз посещал ее. Я всегда с радостью слушаю свидетельства евреев о том, как они испытали личную встречу с Иисусом Христом. Я глубоко убежден, что такой опыт коренным образом меняет их понимания и восприятие Христа, как посланного Мессию.
Я также хотел бы рассказать историю о южно-африканском еврее, который сейчас является пастором церкви, которую я посещаю. Он также не воспринимал Иисуса, как посланного Мессию; и Бог несколько раз являлся ему во время его визита в Иерусалим. Сейчас он написал книгу о своем опыте, которая называется «Моя встреча в Иерусалиме».
Одни из самых интересных и удивительных историй о Божьем видении рассказали мне мои друзья-мусульмане, которые не только начали чтить Иисуса, как пророка, но и поверили в Него, как своего Господа.
Однажды, посетив церковное мероприятие, я познакомился с одним джентльменом, внешность которого указывала на происхождение с Ближнего Востока. В следующий раз я встретил его в продовольственном магазине. Мы разговорились, и я спросил его, как он стал верующим человеком. Он рассказал мне о том, что Иисус являлся ему в видении.
Другой человек, мой друг из Палестины, стал последователем Христа, несмотря на свое мусульманское прошлое. Недавно его заключили в тюрьму из-за веры в Иисуса. Именно там, в тюремной камере, ему явился Христос.
Я также знаком с одной женщиной из Пакистана, которая свидетельствовала, как Христос явился ей во сне и предложил глоток воды. Это случилось немного спустя после того, как я проповедовал там, рассказывая о том, что Иисус есть источник воды живой, дарующей жизнь.
Другая иранская леди прислала мне сообщение о том, что по окончании утренней молитвы, когда она снова легла в кровать, внезапно зеленый свет наполнил комнату и мужской голос произнёс: «Вставай! Я Мессия!» Она была настолько напугана, что не могла пошевелиться; лишь накрывшись простыней (поскольку на ней не было хиджаба), неподвижно сидела.
Возможно, я упустил некоторые детали из этих историй, но я все больше и больше слышу свидетельств о том, как Бог является людям во снах или видениях. Это реальный опыт, который меняет жизни людей. К сожалению, многие из них после принятия Христа, как своего Спасителя, подвергаются притеснениям в своих семьях, обществе, и гонениям, вплоть до смерти. Люди не будут рисковать своими жизнями из-за чего-то незначительного или неважного. Я убежден, что этот трансформирующий и сильный опыт, который не могут дать такие выдающиеся личности их этнической религии, как Моисей и Мухаммед, был тем сигналом, который заставил их пересмотреть свое отношение к личности Иисуса Христа. Возможно, вы сомневаетесь в достоверности этих историй. Я просто предлагаю вам обратиться к Богу в молитве, прося открыть вам Себя таким способом, каким бы вы поверили в Его существование и признали Его своим Господом и Спасителем.
И последнее, я посмотрел не одну христианскую телепередачу «Клуб 700», где были показаны свидетельства мусульман (среди них и те, о которых я рассказывал), которые поверили в Иисуса Христа и приняли Его, как своего Спасителя.

www.cbn.com/tv/3166680520001
www1.cbn.com/cbnnews/insideisrael/2012/June/Dreams-Visions-Moving-Muslims-to-Christ
www1.cbn.com/video/fatimas-quest-for-god

More than Dreams Videos

 

 

 

 

Как иметь отношения с Богом

 

Информационные ресурсы

Visions and Dreams of Jesus, Isa, Esa, Yeshu, Yeshua

Полумесяц и звезда ислама

Sunday, August 31st, 2014

Ислам стремится к свободе от любого языческого влияния. Однако можно ли утверждать, что символы и практики политеизма все еще присутствуют в исламе? Были ли они интегрированы в общественное устройство ислама?
Я уже говорил о Каабе. Сейчас же я хочу представить другой аспект ислама, который связан с полумесяцем и звездой.
Эти символы присутствуют на минаретах, мечетях и национальных флагах нескольких исламских государств.
Использование этих символов было еще до возникновения ислама, и они, возможно, были связаны с поклонением небесным телам, например, арабскому богу луны Хубал, который ассоциировался с Каабой.
Также, эти образы, возможно, берут свои истоки из других культур и народностей; тем не менее, они были вдохновлены поклонением языческим божествам.
Заявление о том, что принципы ислама отличаются от языческих принципов, вызывает сомнения. Также иронично выглядит и практика заимствования образов обожествления из других культур, в контексте учения о «едином боге» ислама.
Такие феномены присутствуют и во многих других исламских регионах, где местные верования и фольклор часто представляют собой синкретизм с учениями Мухаммеда, нарушая, таким образом, чистоту исламской религии.
Посмотрите веб-ссылки, которые я перечислил ниже. Я позволяю вам быть судьей в вопросе аргументов бога луны.
www.bible.ca/islam/islam-photos-moon-worship-archealolgy.htm

 

 

Как иметь отношения с Богом

 

Информационные ресурсы
Мусульманин и информационные ресурсы об исламе
русский

The Crescent Moon and Star of Islam